ในกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม ฉบับที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงจาก ฉบับที่
1 คือ
- ได้นำรหัสวินิจฉัยโรคทั้งหมดที่มีอยู่ใน ICD-10 ใส่ลงในฐานข้อมูลของ
DRG ทำให้สามารถลงรหัสวินิจฉัยโรคได้ละเอียดเท่าที่ต้องการ
- ได้นำรหัสหัตถการของ ICD-9 CM vol.3 ปี คศ. 2000
มาใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำ DRG ทำให้ครอบคลุมการทำหัตถการในปัจจุบันได้มากขึ้น
(ในฉบับที่ 1 ใช้รหัสหัตถการของ ICD-9 CM vol.3 ปี คศ.
1987 มาเป็นฐานข้อมูล)
- มีการปรับค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ (Relative weight -
RW) ใหม่ โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ป่วยใน
ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่
ทำให้ได้ค่า RW ที่สูงขึ้นในเกือบทุกกลุ่มของ DRG (ในฉบับที่
1 ใช้ค่าเฉลี่ยของโรงพยาบาลทุกระดับ รวมทั้งโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก
และโรงพยาบาลอำเภอบางแห่ง)
- ปรับจำนวนกลุ่มโรคใน DRG จาก 490 กลุ่มตาม HCFA-DRG
version 12 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็น 510 กลุ่มตาม
HCFA-DRG version 17
- มีการปรับค่ามาตรฐานวันนอนโรงพยาบาล (Length of stay
- LOS) และจุดตัดวันนอนนานเกินเกณฑ์ (Outerier - OT)
โดยคำนวณจากข้อมูลสะสมที่ได้จากโรงพยาบาลทั่วประเทศ
ในการจัดทำกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม
ฉบับที่ 2 คณะทำงานของสำนักงานประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
ได้ทำให้ครอบคลุมรหัสใน ICD-10 ทั้งหมด และตั้งใจให้มีความถูกต้องมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม บางสิ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจชี้ชัดเป็นดำหรือขาวได้
จึงต้องใช้ความเห็นร่วม นอกจากนี้ในการทำงานร่วมกันโดยมีคณะทำงานหลายคน
มีข้อมูลมาก มีการแบ่งกลุ่มที่ซับซ้อน ร่วมกับการที่มีเวลาจัดทำไม่มาก
จึงยังต้องมีข้อผิดพลาดไม่มากก็น้อย การปรับปรุงเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพื่อให้ กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมฉบับต่อไปมีความถูกต้องเหมาะสม
และเป็นที่ยอมรับของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
|